ลูกศรคอนกรีตทึ่ใหญ่โตมโหฬาร ขนาดยักษ์ ที่ชี้ไปทิศตะวันตกในสหรัฐ ทำไว้เพื่ออะไร..เรามีคำตอบ..
ตามเส้นทางตอนกลางของสหรัฐมักจะพบเห็นลูกศรคอนกรีตขนาดยักษ์ทิ้งร้างอยู่เป็นแนวเกือบเป็นเส้นตรง
หัวลูกศรชี้ไปทางทิศตะวันตกทั้งหมดสามารถพบเห็นได้ตามเส้นทางจากตะวันออกจรดตะวันตก
เรื่องราวลูกศรคอนกรีตมีที่มายาวนานในยุคแรกที่มีกิจการไปรษณีย์ด่วนจากทางทิศตะวันออกเมืองนิวยอร์คไปจรดทิศตะวันตกเมืองซานฟรานซิสโก
ในยุคที่ระบบวิทยุโทรเลขยังไม่ทันสมัยยังไม่มี Internet GPSใช้งานเหมือนทุกวันนี้ต้องใช้คนขับขี่ม้าหรือใช้รถม้าขนส่งข้าวของ/เอกสารข้ามประเทศ
พร้อมกับการดูเข็มทิศหรือแผนที่หรือสังเกตทิศทางจากดวงดาวดวงตะวันถ้าเกิดหลงทางขึ้นมาจะเสียเวลามากหรืออาจจะตายกลางทะเลทรายได้ในบางแห่ง
การเดินทาง/ไปรษณีย์ในยุคนั้นจึงต้องกำหนดจุดพักระหว่างทางเพื่อเป็นจุดพักแรมของผู้คนหรือพนักงานขนส่งสินค้าจะได้แวะพักผลัดเปลี่ยนม้าหรือผลัดเวรขนส่งต่อไป
ต่อมา เมื่อเริ่มมีการใช้เรือบินทหารมากขึ้นรัฐบาลสหรัฐจึงได้ใช้ประโยชน์จากแนวขนส่งเดิม
ในปี 1924 จึงมีการสร้างลูกศรคอนกรีตขนาดใหญ่ยาวประมาณ 50-70 ฟุตชี้ไปทางตะวันตกพร้อมกับหอคอยติดตั้งไฟนำทางใช้น้ำมันจุดไฟตะเกียงให้แสงสว่างติดตั้งตามแนวเส้นทางนี้
แสงไฟนำทางจากหอคอยแต่ละจุดสามารถมองเห็นได้จากที่ไกลถึง 10-15 ไมล์(16.09-24.14 กิโลเมตร)
ขึ้นกับทำเลที่ตั้งว่าเป็นที่ราบหรือบนที่สูงตามแนวเส้นลองติจูดจากตะวันออกจรดตะวันตก
เส้นทางนี้มีการใช้ประโยชน์มากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 กับ 2มีการขนส่งเสบียงอาหารยุทโธปกรณ์และเอกสารด้วยทางเรือบินตามเส้นทางนี้มาก
นักบินจะขับเรือบินไปตามแนวเส้นทางนี้ยิ่งในยามค่ำคืนจะสามารถบินได้โดยไม่หลงทาง
ในยุคที่ยังไม่มีเรดาห์ วิทยุการบิน GPS เหมือนทุกวันนี้ถ้าเกิดหลงทางแล้วเจอลูกศรขนาดยักษ์นี้หรือเห็นไฟนำทางบนหอคอยแล้วผู้คนที่ใช้เส้นทางนี้จะสามารถคลำทาง
เพื่อออกเดินทางต่อไปได้อีกแม้ในทุกวันนี้คนที่หลงทางกลางทะเลทรายถ้าพบลูกศรนี้ก็แสดงว่าพอมีทางรอดแล้ว
ต่อมาเมื่อวิทยุการบินมีการพัฒนาดีขึ้นกว่าเดิมความจำเป็นในการใช้หอคอยไฟแสงสว่างนำทางและลูกศรคอนกรีต
จึงค่อย ๆ หมดความจำเป็นไปในที่สุดจึงถูกปล่อยทิ้งร้างและถูกวัชชพืชปกคลุม
เสื่อมสภาพสลักหักพังเสื่อมสลายไปตามธรรมชาติเพิ่งจะมีการสร้างทดแทนจำลองแบบเดิมในนิวเม็กซิโก