Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2557

การใช้เงินของคนจน คนชั้นกลาง และ คนรวย

ข้อแตกต่างการใช้เงินของคนจน คนชั้นกลาง และคนรวย
โดยส่วนใหญ่แล้วเรามักจะถูกปลูกฝัง หรือสั่งสอน ให้ทำงานด้วยความขยันหรือทำงานหนักเพื่อหาเงิน แต่น้อยนักที่เราจะรู้ว่าเงินสามารถทำงานแทนเราได้ โดยที่เราไม่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อแลกเงินมา ซึ่งด้วยหลักคิดนี้ทำให้เกิดข้อแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างคนรวยและคนจน
คือ "คนรวยให้เงินทำงานหนักเพื่อตัวเอง แต่คนจนทำงานหนักเพื่อให้ได้เงิน"

ข้อแตกต่างการใช้เงินของคนจน และคนรวยที่ทำให้ทุกวันนี้ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนมีความห่างกันที่ชัดเจนคือหากเราพิจารณาให้ดีเรื่องการใช้เงินของคนเหล่านี้จะพบข้อแตกต่างกันอย่างไม่น่าเชื่อ นั่นคือในวันที่เงินเดือนออกคนจน คนชั้นกลาง และคนรวย ใช้เงินไปทำอะไรกันบ้าง หากสังเกตดูให้ดีจะพบว่า
คนจน    เมื่อเงินเดือนออกแล้วจะนำเงินไปซื้อสิ่งของ ในที่นี้หมายถึงสิ่งของที่ไม่จำเป็น เช่นโทรศัพท์ใหม่ เสื้อผ้า ฯลฯ·แม้ว่าสิ่งที่ซื้อจะมีราคาไม่แพง แต่ก็ทำให้เงินค่อย ๆ หมดลงไปเรื่อย ๆ จนไม่มีเงินเก็บหรือเงินออม คน หล่านี้ คิดว่าสิ่งที่ซื้อนั้นจำเป็นที่จะใช้

คนชั้นกลาง  กลุ่มคนชั้นกลางจะเป็นกลุ่มที่คิดว่าตัวเองมีรายได้เยอะแล้ว  เมื่อมีรายได้หรือสิ้นเดือนสิ่งที่คนชั้นกลางนำไปซื้อ  โดยส่วนใหญ่จะเป็การผ่อนชำระ บ้าน หรือรถยนต์ สิ่งเหล่านี้หลาย ๆ คนคิดว่าเป็นทรัพย์สิน แต่จริง ๆ แล้วในทางการเงินบ้านหรือรถยนต์จะถูกเรียกว่าหนี้สินเพราะเป็นการสร้างรายจ่ายและเป็นภาระในการต้องหาเงินมาบำรุงรักษา ยกเว้นว่าเป็นการซื้อบ้านหรือรถยนต์มาเพื่อขายต่อสิ่งเหล่านี้ก็จะกลายเป็นทรัพย์สิน นั่นเป็น สาเหตุที่ทำให้คนชั้นกลางยังต้องทำงานหนักหรือใช้เวลาเพื่อแลกเงินมาให้เพียงพอต่อรายจ่ายที่เกิดขึ้น ทำให้คนกลุ่มนี้ไม่สามารถมีเงินทุนมาลงทุนหรือไม่กล้าลาออกจากงานเพื่อมาสร้างธุรกิจ เนื่องจากเกิดความกลัวว่าจะไม่มี เงินมาชำระหนี้สินที่สร้างขึ้น

คนรวย   ใช้เงินอย่างไรเมื่อได้รับเงินมาหรือมีรายได้ คนรวยจะนำเงินไปซื้อทรัพย์สิน ทรัพย์สินในที่นี้หมายถึงสิ่งที่จะนำมาซึ่งรายได้ เช่น รายได้จากการลงทุน อาทิ หุ้น พันธบัตร ตั๋วเงินคงคลัง ตลาดเงิน กองทุนรวม รวมไปถึงทรัพย์สินอื่นๆ ที่ถือว่ามีค่าและแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้  หรือธุรกิจซึ่งนำมาซึ่งรายได้ต่อเนื่องโดยคุณไม่จำเป็นต้องเข้าไป เกี่ยวข้องเพื่อให้ธุรกิจนั้นสามารถดำเนินการหรือสร้างรายได้ ตัวอย่างเช่น การให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ค่าลิขสิทธิ์  หนังสือ ดนตรี หรือซอฟท์แวร์ การขายแฟรนไชส์ การให้เช่าโกดังเก็บสินค้า การทำธุรกิจแบบเครือข่าย การลงทุนกับเครื่องขายของหรือหยอดเหรียญต่าง ๆ ฯลฯ หลักการคร่าวๆคือ การให้ธุรกิจทำงานแทนคุณและสร้างรายได้ด้วยตัวของมันเอง
ด้วยการใช้เงินที่แตกต่างกันนี้ทำให้ คนรวยมีเวลาเล่นสนุกสนานและพักผ่อนเพราะพวกเขาทำงานอย่างชาญฉลาด พวกเขาเข้าใจและนำหลักการเพิ่มค่าของเงินมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยการจ้างคนมาทำงานและยังใช้เงินของตนทำงานแทนด้วย

คนรวยเข้าใจว่าในช่วงแรกจำเป็นต้องทำงานหนัก จนกระทั่ง "เงิน" สามารถทำงานหนักแทนคุณได้ และตัวคุณเองก็ไม่จำเป็นต้องทำงานอีกต่อไป พวกเขาเข้าใจว่า ยิ่งเงินของคุณทำงานหนักเท่าไหร่ ตัวคุณจำเป็นต้องทำงานน้อยลงเท่านั้น

ขอย้ำอีกครั้งว่า ก่อนอื่นเราต้องทำงานหนักเพื่อหาเงิน แล้วจึงให้เงินทำงานหนักเพื่อตัวคุณเองบ้าง
ซึ่งทำให้เกิดอิสรภาพทางการเงินขึ้นนั่นคือ ความสามารถที่จะดำเนินชีวิตในรูปแบบที่เราต้องการโดยไม่จำเป็นต้องทำงานหรือพึ่งพาคนอื่นในเรื่องเงิน เราจะมีอิสรภาพทางการเงินเมื่อรายได้งอกเงยของเรามีจำนวนมากกว่ารายจ่าย

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนที่ได้อ่านมีอิสรภาพทางการเงินในเร็ววันนี้นะครับ